แฟนเด็ก – Ezra/Henry Ft.Loganpeter 1/??

untitled-12345

 

 

Summary – เรื่องนี้เฮนรี่อายุ20 ปีเตอร์อายุ19 นะคะส่วนเอซร่า18และคุณโลแกน37  เรามาพังกำแพงศีลกันเถอะ

 

 

Into

 

 

“แม่ครับบบบบ!!!!  เฮนรี่แกล้งผมอีกแล้ว”   ปีเตอร์ตะโกนมาจากชั้นบนของบ้าน  ผู้เป็นแม่ได้แต่ส่ายหัวอย่างระอาให้กับลูกชายทั้งสองของเขา  มาร์ธาเป็นคุณแม่ลูกสอง   เป็นผู้ชายทั้งคู่คนโตชื่อ ‘เฮนรี่’  และคนเล็กชื่อ  ‘ปีเตอร์’  ทั้งสองมีทุกอย่างที่เกือบจะคล้ายกันทั้งหมด  มีเพียงอย่างเดียวที่ไม่เหมือนกันคือ หน้าตา  เฮนรี่มีดวงตาสีฟ้าที่มีสีน้ำตาลปน หน้าตาของเขาจะมาทางแม่  ส่วนปีเตอร์มีดวงตาสีน้ำตาลและหน้าตาจะออกไปทางพ่อ

 

 

“ปีเตอร์เริ่มก่อนนะครับ!!”   คราวนี้เป็นเสียงเฮนรี่ตะโกนกลับมาบ้าง  มาร์ธาเจอเหตุการณ์แบบนี้ทุกวัน  ลูกชายทั้งสองของเขาชอบที่จะทะเลาะกันมากกว่ารักกันซะอีก  และเรื่องที่ทะเลาะก็มีแต่เรื่องเดิมๆ   มาร์ธาละจากการทำอาหาร  เขาเดินขึ้นไปที่ชั้นสองห้องของลูกชายตัวแสบ

 

 

 

“ คราวนี้ทะเลาะอะไรกันอีกล่ะ!!!  ปีเตอร์ลงมาจากตัวเฮนรี่เดี๋ยวนี้เลยนะ”   บางทีเขาก็กลัวว่าสักวันลูกชายสองคนของเขาจะได้กันเองซะมากกว่า  ส่วนเรื่องทะเลาะของสองพี่น้องคู่นี้ก็คือปีเตอร์มักจะชอบไปกวนเฮนรี่โดยการหอมแก้ม  จูบหน้าผาก  เอามือล้วงไปบีบหน้าอกเฮนรี่และที่ร้ายแรงที่สุดคือปีเตอร์จูบพี่ชายของเขา  มาร์ธาต้องเห็นภาพแบบนี้ทุกวันเพียงแค่ภาพที่เห็นก็จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ

 

 

“แม่จ๋า  เฮนรี่ดีดหน้าผากผมอ่ะ”   ปีเตอร์รีบลงจากตัวของเฮนรี่และวิ่งมาเกาะแขนผู้เป็นเป็นแม่  พลางถูหน้าไปมาที่แขนของมาร์ธา

 

 

“สมควรไหมล่ะ  ไปแกล้งพี่เขาทำไมหืม?”   มาร์ธาพูดพร้อมลูบเรือนผมสีเงินของลูกชาย

 

 

“ก็เฮนรี่ชอบทำตัวน่ารัก”   ปีเตอร์ตอบแม่ของเขา  แล้วหันไปขยิบตาให้เฮนรี่

 

 

“ฉันทำตัวปกติ  แต่นายนั่นแหละที่ชอบมาลุ่มล่ามกับฉันไอ้น้องบ้า!!”   เฮนรี่ด่าน้องชายของเขากลับไป  แต่คนโดนด่าเหมือนจะไม่สะทบสะท้านอะไร

 

 

“พูดยังงี้อยากโดนน้องชายปล้ำหรอครับ”

 

 

“แม่ดูมันพูดดิ  ไอ้น้องลามก!!”

 

 

“โอ้ยยยยย พอเลยๆไม่ต้องเถียงกัน  ปีเตอร์ลูกพูดแบบนี้ได้ไปนั่นพี่เรานะ”   มาร์ธามองลูกชายคนเล็กที่เกาะแขนของเขาทำหน้าตาไม่พอใจ    “วันนี้ทำตัวดีๆกันหน่อยล่ะ แม่มีแขกมาบ้าน”

 

 

“ใครครับแม่?”   เฮนรี่เดินเข้ามากอดแขนแม่เขาอีกคน

 

 

“เขาเป็นรุ่นน้องพ่อเราน่ะ”

 

 

“เขามาทำอะไรฮะ?”    ปีเตอร์เอียงคอมองแม่ของเขาอย่างสงสัย

 

 

“เขาจะพาลูกชายเขามาทำความรู้จักกับเราสองคนไง”

 

 

“ผมไม่ให้เขารู้จักเฮนรี่หรอกนะ  ผมหวง!”   ปีเตอร์ปล่อยแขนมาร์ธา ก่อนจะเดินอ้อมมา กอดเฮนรี่จากด้านหลัง  อีกฝ่ายก็ปล่อยให้คนเป็นน้องกอดไม่ได้ขัดขืนอะไร

 

 

“ไม่ได้  เสียมารยาท!  เดี๋ยวทุ่มครึ่งเขาจะมาแล้ว  แม่หวังว่าเราสองคนจะไม่ทำให้แม่อายนะ”   พูดจบคนเป็นแม่ก็เดินออกจากห้องไปโดยไม่ฟังเสียงค้านของสองพี่น้อง

 

 

“เฮนรี่เบื่อใช่ป้ะ”   ปีเตอร์เอาคางเกยไหล่ของเฮนรี่และถูหน้าของเขาไปมากับหน้าเฮนรี่

 

 

“อืม”   เฮนรี่ตอบสั้นๆอย่างเบื่อหน่าย

 

 

“งั้นเรามาวางแผนให้คืนนี้สองพ่อลูกที่จะมาบ้านเราจดจำไปตลอดชีวิตกันเถอะ”   เฮนรี่หันไปมองปีเตอร์อย่างสงสัย  คนเป็นน้องเพียงแค่ยักคิ้วและยิ้มให้อย่างเจ้าเล่ห์

 

 

“นายจะทำอะไร?”

 

 

“ให้ผมจูบก่อนดิเดี๋ยวผมบอก”

 

 

“ไปไกลๆตีนเลยไป!”   เขาแกะมือของปีเตอร์ออกจากเอวแล้วเดินไปนอนที่เตียงของตัวเอง

 

 

“ไม่อยากรู้แผนผมหรอ?”   ปีเตอร์ปีนขึ้นไปบนเตียงของเฮนรี่  แม่เขาซื้อเตียงสองชั้นมาให้และตกลงกันว่าปีเตอร์นอนชั้นล่างส่วนเฮนรี่นอนชั้นบน  แต่ผลสุดท้ายเตียงชั้นล่างมีไว้เก็บของเพราะทุกคืนปีเตอร์จะขึ้นมานอนกับพี่ชายของเขา

 

 

“ไม่อยากรู้”

 

 

“ไม่อยากโดนจูบอ่ะดิ”   เฮนรี่เลือกที่จะไม่ตอบเขาหยิบหนังสือข้างตัวขึ้นมาอ่านโดยไม่สนใจน้องชาย   “ไม่จูบก็ได้  ทีนี้มาร่วมแผนกับผมเถอะนะ”   จริงๆแผนของเขาก็ทำคนเดียวได้สบายแต่ที่ต้องเอาเฮนรี่มาร่วมแผนด้วยก็เพราะถ้าโดนแม่ด่าเฮนรี่จะได้โดนด้วย

 

 

“ก็ได้  ว่ามา..”  เฮนรี่วางหนังสือลง  เขาหันหน้ามาเผชิญกับคนน้อง

 

 

“แผนมีอยู่ว่า….”

.

.

.

.

.

.

.

.

.

“เป็นไงล่ะ  บอกแล้วแผนนี้สำเร็จแน่ๆ  เขาจะจำไปตลอดชีวิต  เหอะ!แล้วเป็นไงแผนล่ม  แถมยังโดนแม่ด่าอีกฉันไม่น่าร่วมแผนไร้สาระกับนายเลยปีเตอร์”   ตอนนี้ปีเตอร์คิดว่าเขามีแม่สองคน  เมื่อกี้ก็โดนแม่ด่า  นี่ยังมาโดนพี่ชายด่าอีก  ที่โดนก็ไม่ใช่เรื่องอะไร  ก็เรื่องแผนของเขาเองนี่แหละ  ปีเตอร์วางแผนไว้ว่าเขาจะให้เฮนรี่ล่อแม่ให้ออกไปนอกบ้าน  แล้วเขาจะจัดการปรุงอาหารที่แม่เตรียมไว้จากอร่อยให้เป็นไม่อร่อย  นอกจากจะเปลี่ยนรสชาติอาหารค่ำแล้ว  เขายังแอบตัดขาเก้าอี้ไม้และทากาวตราช้างไว้ในรองเท้าที่สำหรับใส่ในบ้าน  แต่ผลสุดท้ายแม่ดันมาเจอพอดี  ปีเตอร์และเฮนรี่เลยโดนเทศน์ยาว

 

 

“พี่จะมาบ่นผมต่อจากแม่ทำไมเนี่ย”

 

 

“ก็มันน่าโดนบ่นไหมล่ะ!!”

 

 

“เฮนรี่  ปีเตอร์ลงมาข้างล่างเดี๋ยวนี้ ด่วน!!!!”   เสียงแม่ดังขึ้นมาจากชั้นล่าง  ทำให้สองพี่น้องที่เถียงกันอยู่ทำหน้าอย่างเซ็งๆก่อนจะเดินลงไปตามที่แม่สั่ง

 

 

“มาแล้วครับ”   เฮนรี่เดินนำก่อนและตามด้วยปีเตอร์  ทั้งคู่นั่งลงที่โซฟาตัวใหญ่กลางบ้าน

 

 

“ไม่ต้องนั่งเลยลุกๆ  เฮนรี่ไปเตรียมขนมในครัวมา  ส่วนปีเตอร์ลูกไปเอาชากับแก้วมา  แม่จะไปเปิดประตู”   มาร์ธาสั่งลูกชายเสร็จ  ทั้งสองก็ลุกขึ้นและเดินไปที่ครัว  ส่วนเขาก็ไปเปิดประตูต้อนรับแขก

 

 

“สวัสดีค่ะ  คุณโลแกน”   มาร์ธายิ้มให้คนตรงหน้า

 

 

“สวัสดีครับ  เรียกผมแค่โลแกนดีกว่าครับ”   โลแกนยิ้มตอบอย่างเป็นมิตร   “อ่อและนี่ลูกชายผมเอซร่าครับ”

 

 

“สวัสดีครับคุณน้าคนสวย”   เอซร่าพูดพร้อมโค้งให้มาร์ธา

 

 

“สวัสดีจ่ะ  มีชมกันด้วยนะ  เข้าบ้านก่อนดีกว่าค่ะแล้วค่อยคุยกันต่อ”    เมื่อทักทายกันเสร็จมาร์ธาก็พาโลแกนและเอซร่ามานั่งพักที่โซฟาในห้องนั่งเล่น  “เดี๋ยวขอตัวไปดูลูกชายในครัวสักครู่นะนะคะ”

 

 

“เฮนรี่  ปีเตอร์ทำไมไม่เอาชากับขนมออกไป!!!”   เมื่อเข้ามาถึงในครัวมาร์ธาก็เริ่มดุลูกชายทั้งสองของเขาทันที

 

 

“แม่อย่าพึ่งบ่นสิ  ก็ชามันเย็นแล้วผมเลยอุ่นใหม่ให้”   มาร์ธาทำหน้าอย่างไม่เชื่อที่ลูกชายคนเล็กพูด  เขาเดินไปเทชาใส่ถ้วยแล้วยกขึ้นดื่มเพื่อพิสูจน์ก่อนจะรู้ว่าปีเตอร์พูดจริง

 

 

“ผมให้เฮนรี่อุ่นชาให้  ผมไม่ได้ทำอะไรกับชาเลยนะ  แม่มองผมเป็นเด็กไม่ดีไปแล้วหรอ”   ปีเตอร์พูดอย่างเศร้าๆ

 

 

“แม่ขอโทษนะ  ไหนๆคนเก่งยิ้มให้แม่ดูหน่อยสิ”   ปีเตอร์ยังคงทำหน้าเศร้า  จนแม่เขาต้องงัดหมัดเด็ดขึ้นมา   “โอ๋ๆเดี๋ยวคืนนี้แม่ให้เฮนรี่ใส่แค่บ็อกเซอร์นอนกับเราดีไหม”

 

 

“ดีที่สุดครับ/แม่ฮะ!!!”   ทั้งสองพูดขึ้นพร้อมกันแต่แค่อารมณ์ของน้ำเสียงไม่เหมือนกัน

 

 

“เอาหน่าเฮนรี่ทำเพื่อแม่หน่อย   เอาล่ะนี้ไปเสิร์ฟชากับขนมได้แล้ว”   เมื่อพูดจบผู้เป็นแม่ก็เดินนำออกจากครัวไป

 

 

“เฮนรี่คืนนี้อย่าลืมนะครับ”   ปีเตอร์ยกยิ้มอย่างดีใจก่อนจะเดินตามแม่ออกไป

 

 

“ไอ้…ไอ้!!!  ไอ้คนไม่ดี!”

 

 

“ชาเบอร์รี่มาแล้วครับ”    ปีเตอร์เดินถือถาดถ้วยน้ำชามาวางไว้ด้านหน้าของผู้มาเยือนใหม่  เขารินน้ำชาใส่ถ้วยและยกให้โลแกนกับเอซร่า ก่อนจะยิ้มกว้างอย่างเป็นมิตร

 

 

“ขนมก็มาแล้วครับ”   ตามมาด้วยเฮนรี่ที่ถือจานคุกกี้มาวางที่โต๊ะเล็กหน้าโซฟา

 

 

“ขอแนะนำก่อนนะคะ  นี่เฮนรี่เป็นลูกชายคนโต   ส่วนคนผมเงินชื่อปีเตอร์เป็นคนเล็กค่ะ”

 

 

“สวัสดีครับ  ยินดีที่ได้รู้จักนะครับและฝากตัวด้วยนะครับ”   ทั้งสองพูดและยิ้มให้คนตรงหน้าพร้อมกัน  เป็นยิ้มที่สามารถละลายใจคนเห็นอย่างโลแกนและเอซร่าได้เป็นอย่างดี   แต่พ่อลูกคู่นี้ก็สามารถเก็บอารมณ์ได้เป็นอย่างดีเช่นกัน

 

 

เฮนรี่และปีเตอร์นั่งฟังแม่ของเขาคุยกับโลแกน  ก็ทำให้เขารู้อะไรหลายๆอย่างเช่น โลแกนเป็นพ่อหม้ายเมียทิ้งให้เลี้ยงลูก และเป็นรุ่นน้องคนสนิทกับพ่อ  ส่วนเอซร่าเป็นเด็กที่แสบพอๆกับพวกเขาเท่าที่ฟังจากวีรกรรมแล้วเผลอๆคงมากกว่าพวกเขาซะอีก

 

 

ส่วนด้านโลแกนและเอซร่า  ก็ได้รู้เรื่องของลูกชายบ้านนี้ในหลายๆอย่างเช่น  เฮนรี่มักจะโดนมองว่าเป็นทอมทั้งๆที่เป็นผู้ชาย แต่ก็ขอยอมรับว่าอีกฝ่ายสวยเหมือนผู้หญิงจริงๆ  ส่วนปีเตอร์ก็แสบเหมือนลูกชายของเขามากแต่คงน้อยกว่า

 

 

คุยกันได้สักพักใหญ่  โลแกนก็ขอตัวกลับเพราะเขามีงานค้างที่ต้องทำต่อให้เสร็จ   มาร์ธาและลูกชายของเขาเดินมาส่ง  โลแกนและเอซร่าหน้าบ้าน  ทั้งสองฝ่ายกล่าวลากันก่อนมาร์ธาจะจูงเฮนรี่และปีเตอร์เข้าบ้านไป

 

 

“พ่อผมขอเฮนรี่นะ”   หลังจากขึ้นรถมาแล้ว  เอซร่าก็พูดขึ้นก่อนจะหันไปมองผู้เป็นพ่อ

 

 

“งั้นของพ่อก็ปีเตอร์  โอเคนะ”   ทั้งคู่จับมือกันและหัวเราะออกมายกใหญ่

 

 

TBC.

 

จริงอยากแต่งงคู่  loganpeterมานานแล้ววววว  อยากพังกำแพงศีลแบบหนักมากกกกกกก  แต่ใจก็อยากแต่งฟิคเฮนรี่อยู่เลยเสริมคู่ เอซร่ารี่เข้ามาด้วย  จริงๆจะเอาเบนรี่แต่อยากให้เอซร่าเป็นพระเอกมากกว่า55555555555  ป๋าร้องไห้ทำไม

 

tumblr_m5y77gfdwz1rooebp  tumblr_n786cscxcn1r784c8o1_500

 

tumblr_lvccqob8nv1qbug44tumblr_maz2y2gzmh1qaio2lo1_500

Story – Ben Affleck/Henry Cavill ft.??

 

csy7w3ousaac1ky

 

 

มีแฟนแก่ดีตรงไหน?

 

 

ถ้าพูดถึง  ‘เฮนรี่  คาวิลล์’  เราก็ต้องนึกถึงคู่ชีวิตของเขา  ‘เบน  แอฟเฟล็ค’   อายุของเฮนรี่กับเบนห่างกัน11ปี  ถามว่ามากไหม เฮนรี่ก็คงตอบว่าใครสน!  เด็กอายุ19เขายังเคยคบมาแล้ว  แต่ก็ยังมีบางคนที่เข้ามาถามเขาว่าคบคนแก่กว่าดียังไง?  เขาก็แค่ยิ้มกลับไปแล้วตอบว่า   “ก็ไม่รู้สินะครับ”   เป็นคำตอบที่เสี่ยงต่อการโดนเกลียดเฮนรี่รู้ดี  วันนี้เขาจึงจะมาเล่าเกี่ยวกับการใช้ชีวิตร่วมกับเบน

 

 

  1. “เบน แอฟเฟล็ค  รวย เรียลไลฟ์ดั่งบรูซ  เวยน์”

 

 

“แด๊ดดี้”    เฮนรี่เดินเข้ามากอดคอเบนที่กำลังนั่งดูหนังอยู่ที่โซฟาจากด้านหลัง

 

 

“พูดแบบนี้จะมาอ้อนอะไรล่ะไอ้อ้วน”

 

 

 

เฮนรี่อยากจะด่าเบนกลับไปว่าให้เขาลองไปส่องกระจกดูว่าใครกันแน่อ้วน  แต่วันนี้เขามาอ้อนเบน  เลยต้องเก็บคำด่าไว้ก่อน กลั้นไว้เฮนรี่ๆ   “เค้าจะไปช็อปปิ้งกับเอมี่นะ”

 

 

“แล้ว?”

 

 

“ขอตังหน่อยสิ”

 

 

“เท่าไหร่?”

 

 

“เท่าที่สามีอยากให้เลยครับ”

 

 

“สองหมื่นพอไหม”

 

 

“ไม่พอหรอกแด๊ด  เค้าไปซื้อของเยอะนะว่าจะไปซื้อเนคไทมาให้ตัวเองด้วย”   เฮนรี่ถูหน้าของเขาไปมากับหน้าเบนอยากออดอ้อน

 

 

“ห้าหมื่น”

 

 

“เพิ่มอีกนิดนึง”

 

 

“หกหมื่น”

 

 

“อีกนิดนึง”

 

 

“เอากระเป็าตังไปเลยไป”   เบนหยิบกระเป๋าตังของเขาส่งให้เฮนรี่  อีกฝ่ายยิ้มอย่างดีใจเหมือนเด็กได้ของเล่นใหม่ก่อนจะหยิบกระเป๋าตังจากมือเบนไปอย่างรวดเร็ว   “เดี๋ยวๆๆ  ได้ตังแล้วรีบเลยนะไอ้หมู”

 

 

“ก็เค้านัดเอมี่กับกัลไว้นิเดี๋ยวเค้ารอนาน”

 

 

“ทำไงก่อนไป”   เฮนรี่ที่เดินจะถึงประตูบ้านก็วนกลับมาหอมแก้มเบนซ้ายขวาแล้วจบด้วยหอมหน้าผากแล้วรีบวิ่งออกไป

 

 

  1. “ความเด๋อไม่เป็นสองรองใคร”

 

“เฮนรี่นายเห็นกุญแจรถฉันไหม?”    เบนเดินลงมาจากชั้นสองของบ้าน   เฮนรี่เห็นเบนบอกว่าจะไปรับน้องแซมที่โรงเรียนตั้งนานแล้วแต่นี่ยังเห็นง่วนอยู่กับการหากุญแจรถของเขา

 

 

“คุณเอาไปไว้ไหนล่ะ”

 

 

“ฉันจำได้ว่าวางไว้ที่โต๊ะหน้าโทรทัศน์นะ  มันหายไปไหนว้ะ!!”    เบนยีหัวตัวเองแรงๆอย่างหงุดหงิด

 

 

“เบนใจเย็นๆ ค่อยๆคิดสิ”   เบนเดินวนอยู่ตรงเฮนรี่  จนเขาเริ่มสังเกตเห็นกุญแจรถมันก็อยู่ในมือเบนนิ

 

 

“เบนคุณจะเอามอเตอร์ไซค์ไปรับน้องแซมหรอ”

 

 

“ไม่ๆ  เอารถใหญ่ไป”

 

 

“กุญแจมันก็อยู่บนมือคุณนะ”    เบนหยุดเดินแล้วมองที่มือของตัวเองก่อนจะพบกุญแจรถที่เขาตามหามากว่า10นาที

 

 

“มันมาอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะเนี่ย”

 

 

“เห้อออออ”

 

 

ความเด๋อยังไม่หมดลงแค่นี้…

 

 

“เฮนรี่เค้ามีเรื่องจะบอก”   เบนเดินเข้ามาในบ้านด้วยสภาพเหงื่อท่วมตัวสีหน้าซีดๆ  เบนบอกว่าจะไปออกกำลังกายแต่ก็ไม่คิดว่าจะไปช้าและเหงื่อท่วมขนาดนี้

 

 

“มีอะไรครับ?”   เฮนรี่ละสายตาจากโทรศัพท์ขึ้นมามองเบน

 

 

“ห้ามโกรธเค้านะ”

 

 

“ถ้าคุณไม่ได้ไปมีชู้หรือฆ่าพ่อแม่ผม  ผมก็ไม่โกรธหรอก”

 

 

“แน่ใจนะ”

 

 

“ครับ”

 

 

“ห้ามทุบ  ห้ามตี  ห้ามไล่  ห้ามเตะ  ห้ามต่อย  ห้ามด่านะะ”

 

 

“เออ!”

 

 

“เค้าทำไอ้คาลหาย”   เฮนรี่เลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย  จู่ๆเบนก็มาบอกว่าหมาของเขาหาย   “เค้าไม่ได้ตั้งใจเค้าไปวิ่งแปปเดียวมันก็หายไปแล้ว”

 

 

“อืม”

 

 

“ไม่โกรธหรอ”

 

 

“ไม่ครับ”

 

 

“จริงดิ!”

 

 

“จริง….คาล!มาหาแม่หน่อยเร็ววว”   เฮนรี่ตะโกนเรียกหมาของเขา  ไม่นานมันก็วิ่งส่ายหางมานั่งอยู่หน้าเขา

 

 

“คาล!!  แกวิ่งกลับมาบ้านหรอเนี่ย  ปัดโถ่พ่อก็เป็นห่วงตามหาตั้งนาน”

 

 

“เบน….คาลมันไม่ได้วิ่งกลับมาบ้าน”

 

 

“อ่าว!  แม่หมีไปรับมันมาหรอหรือมีคนเอามาคืน”    เบนนั่งลงไปลูบหัวคาลก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองเฮนรี่อย่างงงๆ

 

 

“ไม่ใช่  เบนคุณไม่ได้พามันไปวิ่งนะ  คุณเอาแค่สายจูงมันไปตอนแรกผมเห็นคุณออกไปผมก็สงสัยว่าคุณเอาสายจูงไปทำไม”    บางทีเฮนรี่ก็คิดว่าสักวันเขาคงต้องพาเฮนรี่ไปตรวจสมองสักหน่อย

 

 

“อ้าวหรอ  ฮ่าๆๆๆๆๆ”    ขำตัวเองอีก=..=

 

 

  1. Gentleme

 

เหตุการณ์ที่1

 

“เฮนรี่ผีโผล่แล้ว!!!”   เฮนรี่คิดผิดอย่างมากที่ซื้อหนังผีมาดูกับเบน  หนังฉายมาครึ่งเรื่องเฮนรี่สะดุ้งห้าถึงสิบครั้งแต่ไม่ได้ตกใจเพราะผีหรอก  ตกใจเพราะคนข้างๆมากกว่า ผียังไม่มาก็โวยวายแล้ว พอผีโผล่ก็ตะโกนซะลั่นบ้าน  ตะโกนไม่พอยังมาเกาะแขนเขาแล้วเขย่าไปมาอีก

 

 

“เบนผีมันไม่ได้มีความน่ากลัวเลยนะ”   เฮนรี่พยายามแกะมือปลาหมึกของคนข้างๆออก

 

 

“น่ากลัวจะตายดูดิ  น่าเละเลยยย”

 

 

“คุณยังกลัวอยู่อีกหรออายุเท่าไหร่แล้วเบน”

 

 

“เค้าพึ่ง6ขวบเอง”

 

 

“อีก6ขวบจะ50ล่ะสิ”

 

 

“เฮนรี่เคยโดนหลังแหวนไหม?”

 

 

“กล้าไหมล่ะครับ!”

 

 

“ไม่กล้าไงครับ  รักเมียจะตาย”

 

 

เหตุการณ์ที่2

 

 

“เห้ย!!!  จะเอายังไงว้ะไอ้เด๋อ!!”    เฮนรี่และเบนกำลังเจอเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน  จริงๆก็คาดไว้ตั้งแต่เบนเริ่มโวยวายทะเลาะกับวัยรุ่นโต๊ะข้างๆแล้ว

 

 

“เฮนรี่มันด่าเค้าว่าไอ้เด๋ออ่ะ”   ตอนแรกก็เหมือนจะเป็นเบนที่ได้เปรียบเพราะสูงกว่าเด็กคนนั้น  แต่ปัญหามันอยู่ที่มันไม่ได้มาคนเดียวไง  มันมากันถึงห้าคน

 

 

“แล้วไง”

 

 

“จัดการมันให้เค้าหน่อยสิ”   หาเรื่องเองและสุดท้ายเขาก็ต้องจัดการ  น่ารักจริงๆคุณสามี

 

 

“มีปัญหาอะไรกันหรอครับ?”   เฮนรี่ถามเด็กที่เบนทะเลาะด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

 

 

“อย่ามาทำเป็นพูดดีเลย  พวกเดียวกันสินะ!!”

 

 

“พวกเดียวกันแล้วทำไมครับ?”

 

 

“กวนตีนซะด้วย  ลูกพี่เล่นแม่งทั้งคู่เลย!”   เด็กวัยรุ่นอีกคนในกลุ่มมันพูดแทรกขึ้น

 

 

“เข้ามาสิครับ  มาพร้อมกันเลยก็ได้”   เฮนรี่ยังคงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆโดยไม่หวั่นหรือกลัวอะไร  มีก็แต่เบนที่มายืนหลบอยู่ข้างหลังเขา

 

 

“มันท้าแล้วเอาเลยลูกพี่!!”

 

 

“ไม่ต้อง!  กูไม่นิยมต่อยคนสวย”   คนที่เหมือนจะเป็นลูกพี่ของกลุ่มพูดขึ้นก่อนจะหันมายักคิ้วให้เฮนรี่  เขายิ้มตอบกลับอย่างเป็นมิตร

 

 

“ขอบคุณนะครับ”    เฮนรี่ยิ้มให้อีกครั้งก่อนจะเช็คบินและพาเบนออกจากร้านไป

 

 

“ตัวเองไม่น่าไปพูดดีกับมันเลย  ถ้ามันเข้ามาต่อยตัวเองเค้าจะซัดให้หมอบเลย”   พอออกจากร้านมาก็เก่งเลยคุณสามี

 

 

“งั้นเข้าไปหามันไป”

 

 

“ไม่เอาดีกว่า วันนี้เพลียแล้ว”   จ้ะ!  คุณแอฟเฟล็ค

 

 

  1. “กินไม่เก่งไม่ใช่เบน  แอฟเฟล็ค”

 

“ผมเอาแค่พาสต้าอบชีสกับอิตาเลี่ยนโซดาครับ”    เฮนรี่ยื่นเมนูอาหารคืนให้เด็กเสิร์ฟ  เขาหันมามองคนตรงหน้าเขาที่ยังคงเลือกเมนูไม่ได้   “เบนจะสั่งไหม?”

 

 

“ฉันไม่รู้จะกินอะไรนิ”

 

 

“ก็เลือกๆไปเถอะ  น้องเค้ารอนานแล้ว  ผมหิวด้วย!!!ถ้าไม่รีบสั่งผมทุ่มโต๊ะใส่หน้าคุณแน่”   โมโหหิวก็งี้แหละครับอย่าตกใจ

 

 

“ก็ได้ๆ  งั้นฉันเอาพิซซ่าหน้าฮาวาเอี้ยนถาดเล็กหนึ่ง  ชีสสติ๊กหนึ่งชุด  นักเก็ตหนึ่งชุด  เบอร์เกอร์เนื้อหนึ่ง สลัดกุ้งกรอบแล้วก็โค้กขวดนึงแค่นี้แหละครับ”   ใช้คำว่าแค่นี้หรอ!!นี่ขนาดไม่รู้ว่าจะกินอะไรนะ   “เห้ย! น้องๆเพิ่มชีสเค้กโอริโอ้มาสองชิ้นด้วย”

 

 

“สองชิ้นเลยหรอเบน  คุณกินไว้รึไง”

 

 

“ฉันสั่งให้นายชิ้นนึงไง”    เขิลไหมล่ะคาวิลล์  >//<

 

 

  1. “อายุมากแล้ว…เขาจึงขี้ลืม”

 

“เบนมาแล้วครับทุกคน”   นักแสดงรุ่นน้อง  เอซร่า  มิลเลอร์เดินมาต้อนรับเบนที่พึ่งมาถึงงานเลี้ยงปิดกล้อง

 

 

“ว่าไงทุกคน”   เบนสวมกอดเอซร่าก่อนจะเดินไปทักทายเพื่อนในกองถ่าย

 

 

“ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะเบน”   กัล   กาด็อทพูดขึ้นเมื่อเห็นเบนแสดงสีหน้าครุ่นคิดอะไรบางอย่าง

 

 

“ฉันแค่คิดว่าฉันลืมอะไร  แต่คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก”   ตลอดเวลาที่เบนขับรถมาจนถึงงานเขาคิดมาตลอดว่าเขาลืมอะไรแต่คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก

 

 

“คิดดีๆเบนคุณลืมอะไร  ค่อยๆคิดเดี๋ยวก็คิดได้นะ”   กัลยิ้มให้ก่อนจะเดินไปร่วมวงกับกลุ่มสาวๆ

 

 

“ฉันลืมอะไรนะ”   เบนพึมพำกับตัวเอง

 

 

“ฉันพอรู้นะว่านายลืมอะไร”   เจสัน  โมโมอาเดินมากอดคอเบน

 

 

“ลืมอะไร!!”

 

 

“นายลืมพาสุดที่รักนายมาไง”

 

 

“ซวยแล้วไง!!!!”   ลืมเมีย  แล้วเราเอาเมียไปทิ้งไว้ไหนว้ะเนี่ย!!

 

 

ปั้มน้ำมันแห่งหนึ่ง

 

 

“อีเบน!!!  อย่าให้เจอนะ ไปเข้าห้องน้ำแปปเดียวแม่งขับรถหนีไปแล้ว!!!”   เขาไปเข้าห้องน้ำแปปเดียวออกมาเบนก็ขับรถหายไปแล้ว  โทรไปก็ไม่รับ  มีโทรศัพท์ไว้ทำไม เจอเมื่อไหร่แม่จะยึดโทรศัพท์ให้คอยดูเถอะ!!

 

 

  1. “โกรธรุนแรง  แต่หายได้ในพริบตา”

 

“เบนผมไม่ได้ไปหาอาร์มี่จริงๆนะ  แค่บังเอิญเจอกันเฉยๆ”

 

 

“หรอ  แล้วจำเป็นต้องกอดกันขนาดนั้นไหมล่ะ  จำเป็นต้องจับมือกันไหม  จำเป็นต้องลูบหัวกันไหม  เฮนรี่นายเป็นของฉันนะนายจะไปให้มันมาจับมากอดได้ไง”

 

 

“ผมรู้ว่าผมเป็นของคุณ  แต่ผมก็ไม่ได้คิดอะไรนิ”

 

 

“แต่อีกฝ่ายมันคิดเหมือนนายไหม  นายก็รู้ว่ามันชอบนาย”

 

 

“เบนคุณไม่มีเหตุผลแล้วนะอาร์มี่มีภรรยาแล้ว”

 

 

“ก็รู้นิแล้วไปยุ่งกับมันทำไม  ชอบหรอเป็นมือที่สามอ่ะ”

 

 

“ผมไม่คุยกับคุณล้ะ สงบสติตัวเองได้เมื่อไหร่ค่อยมาคุยกัน”   เฮนรี่หันหลังให้เบน  เขากำลังจะเดินออกจากห้องแต่โดนกอดจากด้านหลังไว้ก่อน

 

 

“พ่อหมีขอโทษ  แม่หมีอย่าหันหลังให้แบบนี้อีกนะ”

 

 

“คุณก็ต้องเชื่อใจผมมากกว่านี้ด้วยสิ  ไม่ใช่อะไรๆก็โวยวายใส่  ตะคอกใส่”

 

 

“ขอโทษ  ดีกันๆ”   เบนซุกซอกเฮนรี่คอก่อนจะสูดดมกลิ่นของอีกฝ่าย  เขายื่นนิ้วก้อยไปด้านหน้าเฮนรี่แล้วส่ายมันไปมา

 

 

“ทำเป็นเด็กไปได้”   เฮนรี่ยกนิ้วก้อยของตนเองขึ้นมาเกี่ยวก้อยกับอีกฝ่าย

 

 

“พ่อหมีจะไม่อารมณ์ร้อนแล้ว  สัญญา”

 

 

  1. “เบนผู้ชายชอบหาย”

 

ฝากหมายเลขนี้กดหนึ่ง

 

 

“ฮัลโหลเบน  คุณหายไปนานแล้วนะผมทำอะไรผิด”   เวลาทะเลาะกันแล้วเขาเป็นฝ่ายผิดเบนมักจะชอบหายไปเสมอโดยไม่บอกไม่กล่าว

 

 

“ผมขอโทษ…ผมไม่รู้ว่าคุณโกรธอะไรหรอกนะ  ผมไม่ใช่พระเจ้านิที่จะรู้ทุกอย่าง  แต่ผมก็พยายามเข้าใจและพยายามจะรู้ทุกอย่างเกี่ยงกับคุณ  แต่มันกลับเหมือนผมที่พยายามคนเดียว”

 

 

“วันแรกที่เราคบกันผมบอกคุณว่าผมไม่กินพริกหยวก  แต่น่าขำที่เมนูแรกที่ผมทำคุณกับใส่มันมา แต่น่าขำยิ่งกว่าที่ผมกลับกินมันเข้าไปเพราะกลัวคุณเสียใจ”

 

 

“คุณไม่ชอบให้ผมเที่ยวกลางคืน  ผมก็เลิกให้ตามที่คุณบอกแต่คุณก็ยังคงเที่ยวเหมือนเดิม”

 

 

“ผมคงต้องตามหาคุณทุกครั้งที่คุณโกรธผมสินะ  แต่คุณรู้อะไรไหมครั้งนี้ผมคงไม่ตามหาคุณแล้วแหละ  ผมไม่ได้ยอมแพ้นะ  ผมแค่เหนื่อย….แค่เหนื่อยเท่านั้นเบน”

 

 

“ถ้าคุณได้ฟังข้อความเสียงนี้แล้วผมแค่อยากจะบอกว่าผมรักคุณนะ..รักมากๆเลย รีบกลับมานครับ”   เฮนรี่กดวางสายเขาถอนหายใจออกมาเบาๆ  เฮนรี่นั่งอยู่ในห้งนอนของเขาที่เคยมีเบนนอนอยู่ด้วย เขาพยายามคิดแล้วว่าเขาทำอะไรให้เบนโกรธแต่เขาก็คิดไม่ออก  สักพักเสียงจากโทรศัพท์ก็ทำให้เขาหลุดจากภวังค์ เฮนรี่รีบเปิดโทรศัพท์ดูข้อความล่าสุดที่ส่งเข้ามา

 

 

‘พอเถอะเฮนรี่  ฉันรำคาญ’

 

 

เฮนรี่ไม่ได้ส่งข้อความกลับไป น้ำตาไหลอาบใบหน้าขาว  เขาเกลียดตัวเองที่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเขาถึงทำให้ทุกอย่างมันเป็นแบบนี้  เขาทำดีที่สุดแล้วแต่สำหรับเบนมันคงไม่สุด
ขอโทษที่ทำให้รำคาญนะครับ  ต่อไปนี้ผมคงไม่อยู่ให้คุณรำคาญแล้วนะ..

 

 

  1. “Wedding”

 

“ตื่นเต้นละสิยัยสวยยยย”   เอมี่เดินเข้ามาในห้องแต่งตัวของเฮนรี่  วันนี้เป็นวันสำคัญของเขา เฮนรี่ไม่เคยคิดว่าจะได้มีวันนี้ด้วยซ้ำเพราะเขากับเจ้าบ่าวต่างกันมากถึงมากที่สุด  ทั้งอายุ  นิสัย  บุคลิก  ทะเลาะกันมาก็มากแต่มันก็ผ่านมาได้

 

 

“มากเลยครับ  ฮ่าๆๆๆๆๆ”

 

 

“สวยกว่าฉันอีกนะ”    เอมี่หยิกแก้มเฮนรี่เบาๆ

 

 

“อิจฉาผมหรอ”   เฮนรี่ยักคิ้วให้กับคนตรงหน้า  สำหรับคนอื่นก็คงมองว่ากวน**แต่เฮนรี่ทำมันกลับน่ารัก

 

 

“ก็แน่ล่ะ  สวยกว่าฉันแถมยังได้สามีหล่ออีก”

 

 

“โอ๋ๆไม่เอาไม่น้อยใจสิครับ”

 

 

“ไม่ต้องมาโอ๋เลยยย  ไปกันเถอะถึงเวลาแล้วเดี๋ยวเจ้าบ่าวจะรอนาน”   เอมี่จับมือเฮนรี่แล้วลากเขาออกมาจากห้องแต่งตัว เพื่อเข้าสู่พิธีแต่งงาน

 

 

“ไงเบนสวยล่ะสิ!”   เจสันพูดกับเบนเบาๆเมื่อเห็นเฮนรี่เดินออกมาในชุดสูทสีขาวสะอาดตา  ผมไม่ถูกจัดทรงปะใบหน้าสวยดูยุ่งๆเล็กน้อยแต่มันกลับดูดีและน่ารักมากๆ

 

 

“สวยมาก”   เบนมองเฮนรี่ที่เดินผ่านหน้าเขาไปหาเจ้าบ่าวของเขาที่อยู่ในสูทสีดำ ทรงผมถูกจัดเป็นระเบียบใบหน้าหล่อเหลามากกว่าเขาเสียอีก  ช่างเหมาะสมกับเฮนรี่จริงๆ

 

 

“นายคิดไหมว่าที่ตรงนั้นควรเป็นนาย”   เจสันหันมาถามเบนที่ยืนมองเฮนรี่โดยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง

 

 

“คิด….คิดมาตลอดเวลา  แต่ก็คิดเหมือนกันว่ามันไม่เหมาะกับฉันหรอก”   เบนพูดอย่างตัดพ้อ

 

 

“เหล้านี่มันเป็นเครื่องดื่มทำลายชีวิตจริงๆ” เจสันพูดต่อ

 

 

“นั่นน่ะสิ  ถ้าวันนั้นฉันไม่ไปดื่มถ้าวันนั้นฉันใจเย็นกว่านี้   ที่ตรงนั้นคงเป็นฉัน  ไม่ใช่เอซร่า..”

 

 

“นายเขียนอะไรลงไปในสมุดอวยพรล่ะ”

 

 

“ไม่ได้เขียนอะไรเยอะแยะหรอก”   เบนหันมายิ้มให้เจสัน  ก่อนจะกลับไปมองคู่บ่าวสาวตรงหน้าเหมือนเดิม  เฮนรี่ในวันนี้สวยจริงๆ  สมแล้วที่เป็นเจ้าสาวของเขา….

 

 

…ในความฝัน

 

untitled-12222222

 

 

The End.

 

untitled-11111111

 

 

Special

 

 

“เอซร่าทำไมรูปพรีเวดดิ้ง  รูปฉันน่าเกลียดล่ะ”   เฮนรี่กำลังโวยวายอย่างหนัก  อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันสำคัญของเขาแล้วแต่ดูรูปพรีเวดดิ้งที่เขาให้เอซร่าจัดการสิ  ภาพของเขาดูเด๋อมากเลย  เขาไม่น่าให้เอซร่าจัดการเรื่องพวกนี้เลยจริงๆ

 

 

“ทำไมอ่ะน่ารักจะตายไป”   เอซร่าพูดพลางดูรูปโพรารอยด์ในมือของตัวเอง

 

 

“นายน่ารักคนเดียวน่ะสิ  ไม่ยุติธรรม”

 

 

“ที่รักผมจะบอกอะไรให้นะ…ยังไงคุณก็น่ารักสำหรับผมเสมอแหละ”   เฮนรี่หน้าขึ้นสีทันทีที่ได้ยินอีกฝ่ายพูด  เอซร่ามองหน้าเฮนรี่ก่อนจะกระตุกยิ้มออกมา   “แต่มองไปมองมาที่รักก็เด๋อเหมือนกันนะ”

 

 

“เอซร่า!!!  ไม่รักแล้วนะ”

 

 

“โอ๋ๆ  ไหนมากอดกันหน่อยยยย”   เอซร่าอ้าแขนออกให้เฮนรี่เข้ามาสวมกอด  ทั้งคู่กอดกันอยู่นานก่อนจะผละออกมามองหน้ากัน  แล้วหัวเราะออกมาทั้งคู่

 

 

“รักไม่มากนะ”   เฮนรี่พูดหลังหัวเราะเสร็จ  เอซร่ายิ้มให้ก่อนจะพูดต่อจากเฮนรี่

 

 

“แต่ขาดไม่ได้”   แล้วทั้งคู่ก็สวมกอดกันอีกครั้ง..

 

 

 

 Don’t marry a person you can live with, marry somebody you can’t live without.

 

 

 

Happy Wedding Day

Ezra&Henry  เรือผีที่น่ารักกกกกก

 

 

 

 

One days – ??/Henry Cavill

12333333

 

ปล.1 เรื่องนี้อาร์มีมีแฝดนะคะะะ

armie-hammer-sexy-pictures-socialite-life-03202012-03

 

ปล.2 อาจมีคำหยาบบ้างเล็กน้อย  ต้องขออภัยมาณ ที่นี้

 

 

“เฮนรี่!!!!”

 

 

“ว่าไง”   ‘เฮนรี่  คาวิลล์’  ขานตอบเพื่อนสาวของเขาในขณะที่เขากำลังนั่งเล่นเกมโทรศัพท์อยู่

 

 

“เย็นนี้ครูนัดให้พวกเราไปเจอกันที่หอประชุมนะ”

 

 

“ไปทำไร?”   เฮนรี่เงยหน้าจากโทรศัพท์ขึ้นมามองเพื่อนของเขาอย่างสงสัย  ที่เขาสงสัยเพราะส่วนใหญ่ครูจะนัดเขาไปที่ห้องปกครองมากกว่า น่าจะรู้ว่าเพราะอะไร

 

 

“วันนี้มีรุ่นพี่ที่จบไปจะมาพูดแนะนำเกี่ยวกับการเตรียมตัวเข้ามหาลัย”

 

 

“ไม่เข้าประชุมได้ไหม?”   เมื่อได้ยินคำตอบเฮนรี่ก็กลับมาสนใจโทรศัพท์เช่นเดิม

 

 

“ได้นะ  แต่นายต้องไปกับฉัน”   ‘กัลป์  กาด็อท’  ต้องจริงจังกับเพื่อนของเขาซะที  ถ้าเฮนรี่ยังทำตัวเหลวไหลแบบนี้มีหวังไม่ได้จบไปพร้อมกันแน่

 

 

“ทำไมฉันต้องไปกับเธอ  น่าเบื่อจะตายไปนั่งฟังพวกรุ่นพี่บรรยายนู่นนี่นั่นฉันกลับบ้านไปเล่นเกมที่ค้างไว้ดีกว่าอีก”

 

 

“ถ้านายไม่ไปฉันจะฟ้องแม่นายว่านายโดนหักคะแนนพฤติกรรมเกินมาตรฐานของโรงเรียน  โรงเรียนเขาตั้งกฎไว้ว่านักเรียนที่โดนหักคะแนน  คะแนนต้องไม่ต่ำกว่า50 แต่นี่นายเล่นโดนหักถึง290 ”กัลป์มองหน้าเพื่อนสนิทของเขาที่ทำเป็นหูทวนลมไม่ได้ยินที่เขาพูด

 

 

“แล้วไงอ่ะ  ฉันยังไม่เป็นสถิติของโรงเรียนเลย  คะแนนสูงสุดอยู่ที่400 เทอมนี้ฉันจะทำลายสถิตินั้นให้ได้  เข้าใจไหมกัลป์จุดมุ่งหมายมีไว้พุ่งชน”   เฮนรี่ยักคิ้วให้เพื่อนสาวของเขา

 

 

“แล้วแต่นายเลยย  เอาเป็นว่าไปเคลียกับปะป๊านายเองแล้วกันเพราะฉันจะฟ้องพ่อนาย!”   ใครๆก็รู้ว่าคนอย่างเฮนรี่หนุ่มป็อบของโรงเรียน ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายก็ต้องพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเฮนรี่น่ะคือคิงและควีนของโรงเรียน ทั้งเล่นกีฬาเก่ง  หล่อและสวยไปในเวลาเดียวกัน  ใจดี  เรียนก็ค่อนข้างเก่ง หลายคนอาจคิดว่าเฮนรี่ไม่มีจุดอ่อนเลยด้วยซ้ำ   แต่ใครก็รู้จักเฮนรี่ดีไม่เท่ากัล  กาด็อทคนนี้หรอก จุดอ่อนเฮนรี่มีแค่อย่างเดียวและเป็นจุดตายของเขาเลยด้วยซ้ำก็คือ พ่อของเขา  เฮนรี่เป็นคนกลัวพ่อเอามากๆ เพราะพ่อเขาดุและเคร่งครัดมากทำให้เฮนรี่ไม่ค่อยจะชอบพ่อเขาเท่าไหร่

 

 

“อย่าฟ้องนะเว้ยยย!!!  เออๆ  ไปก็ได้”   เฮนรี่ตอบอย่างเซ็งๆ

 

 

“ดีมาก  เด็กน้อย”   กัลยีหัวเฮนรี่แรงๆก่อนจะเดินหายออกจากห้องเรียนไป

 

 

“โตแล้วเว้ยยยย!”   เฮนรี่ตะโกนไล่หลังไปและหันกลับมาเล่นเกมเหมือนเดิม

.

.

.

.

.

.

“น้องๆฟังนะครับพวกพี่ไม่ได้มาเล่นๆนะ  พี่เสียเวลานะน้อง ไม่เคยพูดกันรึไงเสียงดังอยู่ได้ เก็บปากไว้พูดแต่เรื่องดีๆเถอะครับ”

 

 

“แล้วแม่งจะเสียงดังใส่น้องทำไมว้ะน่ะ!!”   ‘เบน  แอฟเฟล็ค’   หนึ่งในคณะรุ่นพี่ที่มาให้คำแนะนำน้องๆ  พูดขึ้นมาเขาแค่ไม่เข้าใจว่าจะไปตะโกนใส่รุ่นน้องทำไมไม่เห็นจะน่ากลัวมันน่ารำคาญซะมากกว่า

 

 

“นั่นดิ  ก่อนมาพูดไปกินรังแตนมารึป่าวว้ะ?”   ‘คริส  อีแวนส์’   พูดเสริมขึ้นพร้อมกับหันไปมองหน้าเบน

 

 

“ไม่รู้ว่าพวกนายคิดเหมือนกันรึป่าวนะแต่ว่านี่แม่งโครต….”   ‘อาร์มี่  แฮมเมอร์  หันไปมองหน้าเพื่อนของเขาอีกสองคน  ก่อนที่พวกเขาจะพูดออกมาพร้อมกัน

 

 

“น่าเบื่อ”   ทั้งสามหัวเราะกันอย่างชอบใจ

 

 

“ขำอะไรกัน?”

 

 

“อ่าววว!!  นี่มัน ‘อิลยา   แฮมเมอร์’  รึป่าวครับ”   เบนพูดอย่างติดตลก ก่อนจะโดนสายตาอาฆาตส่งกลับมาแทน   “อาร์มี่ทำไมพี่ชายฝาแฝดนายต้องมองฉันด้วยสายตาแบบนั้นด้วยไม่น่ารักเลยนะคุณหมีรัสเซีย”

 

 

“กวน**”

 

 

“มาเข้าประชุมก็สายยังจะมาด่าเพื่อนอีกหรอว้ะ  เดี๋ยวเจอดีหรอก”   เบนก็ยังคงกวนไม่เลิก

 

 

“เห้อ…จะเจอดีเจอร้ายก็เรื่องของนายเถอะ  อาร์มี่นายอยู่ต่อไปล้ะกันนะฉันกลับบ้านก่อนเบื่อขี้หน้าไอ้เด๋อแถวนี้”  อิลยาพูดกับน้องชายฝาแฝดของเขาแต่สายตาก็ยังคงแอบเหล่ไปที่เบน

 

 

“นายด่าใคร?”   เบนเลิกคิ้วขึ้น

 

 

“ไม่รู้สิ  ก็ในนี้มีคนเด๋ออยู่คนเดียวนิ”

 

 

“อิลยา!!  นายไปด่าคริสมันทำไมอ่ะห้ะ!!”

 

 

“อยากจะบอกเหลือเกินว่ามันด่ามึง”   คริสพึมพำเบาๆ  (ขอโทษที่หยาบคายค่ะ)

 

 

“อะไรนะคริส?”   เบนหันไปมองคริส  อีกฝ่ายเพียงไหวไหล่

 

 

“ไปล้ะโชคดี”   อิลยาโบกมือลาเพื่อนเขาเดินแยกตัวออกมาเพื่อจะกลับบ้าน  แต่ในระหว่างที่เขากำลังจะเปิดประตูห้องประชุม  ประตูมันก็เปิดให้เขาเองซะก่อน

 

 

ปึง!!   เสียงดังลั่นห้องประชุมเรียกให้สายตาทุกคนหันไปมองที่ประตู  อิลยาล้มลงไปกองกับพื้นเพราะแรงกระแทกของประตูเข้าที่ใบหน้าของเขาเต็มๆ

 

 

“พี่ครับผมขอโทษ  ผมไม่ได้ตั้งใจนะ”    อิลยาใช้มือข้างนึงกุมหน้าตัวเอง  อีกข้างใช้กระชากเสื้อคนที่ยืนตรงหน้าลงมา  เขาเตรียมพร้อมที่จะใช้หมัดกระแทกหน้าคนตรงหน้าให้หน้าหงายยิ่งกว่าเขา  แต่ความคิดนั้นก็หายไปเมื่อเขาเห็นหน้าของคนที่ทำ

 

 

“คือ..ผมไม่รู้ว่ามีคนกำลังจะเปิดประตูเลยรีบเปิดเข้ามาผมขอโทษจริงๆนะครับอย่าต่อยผมเลยนะ”   ความคิดแรกที่เห็นหน้าเด็กหนุ่มคนนี้คือ ‘สวย’   ถ้าไม่เห็นว่าใส่ชุดนักเรียนชายเขาก็จะคิดว่านี่คือนักเรียนหญิง

 

 

“ช่างมันเหอะ”   อิลยาคลายมือออกจากเสื้อของเด็กหนุ่มเล็กน้อยแต่ก็ยังไม่ปล่อยให้ไปไหน  “มองทำไมกัน ฟังรุ่นพี่เขาพูดต่อสิ”   อิลยาหันไปบอกพวกรุ่นน้องที่กำลังมองเขาก่อนจะหันมามองคนตรงหน้า   “ชื่ออะไร?”

 

 

“ผมชื่อเฮนรี่  คาวิลล์ครับ”

 

 

“ฉันไม่ยกโทษให้นายหรอกนะ”

 

 

“แต่ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆนะผมไม่เห็นนิประตูมันปิดอยู่นะผมจะไปรู้ได้ไงว่ามีคนยืนอยู่”

 

 

“งั้นจูบฉันสิ สาบานว่านายพูดจริง”   อิลยายักคิ้วให้เฮนรี่ที่ตอนนี้หน้าแดงเป็นลูกมะเขือเทศ  แต่ก็ยอมก้มหน้าลงไปหาอีกฝ่ายและกระซิบเบาๆข้างหูอิลยา

 

 

“พี่ครับ  ซิบไม่ได้รูดนะ”   อิลยารีบปล่อยมือออกจากเสื้อเฮนรี่มาดูกางเกงของตัวเองก่อนจะรู้ว่าเขาโดนหลอกเรียบร้อยแล้วและเฮนรี่ก็เดินหายไปในหมู่รุ่นน้องแล้ว

 

 

“อ่าววว อิลยาหน้าหงายไม่กลับบ้านแล้วหรอครับ”    เบนเริ่มกวนอิลยาอีกครั้งเมื่อเห็นอีกฝ่ายเดินมา

 

 

“ปากดีระวังได้ไปนอนหยอดเข้าต้มที่โรงพยาบาลนะ”    อิลยาถกแขนเสื้อขึ้นเป็นเชิงขู่  แต่คนเด๋อหาได้เกรงกลัว-..-

 

 

“น้องที่เปิดประตูกระแทกนายหน้าหงายชื่ออะไรว้ะ?”   คริสเดินเข้ามาถามอิลยาทำให้ทั้งเบนและอาร์มี่ตามมาสุมหัวด้วย

 

 

“ไม่จำเป็นต้องย้ำก็ได้นะว่าโดนกระแทกหน้าหงาย”   อิลยาส่ายหัวไปมาอย่างระอา

 

 

“ยังไม่ได้ย้ำเลยนะเว้ยว่านายโดนกระแทกหน้าหงาย  ก็แค่พูดเฉยๆว่าน้องที่ทำนายหน้าหงายชื่อไร  ทำไมต้องกล่าวหาว่าเพื่อนพูดว่านายหน้าหงายด้วยอ่ะ  ก็ไม่ได้ตั้งใจจะพูดว่านายหน้าหงายป้ะล่ะ ไอ้อิลยาหน้างะ….”

 

 

“พูดอีกคำระวังจะหงายแทนนะ!”   คริสรีบยกมือขึ้นปิดปากตัวเองทันที

 

 

“สรุปชื่อไร?”   เป็นอาร์มี่ที่พูดแทรกขึ้นมา

 

 

“เฮนรี่  คาเวียมั้ง”

 

 

“คาวิลล์ครับพี่ชาย”    ทั้งสี่หันไปมองผู้มาใหม่พร้อมกันก่อนจะรีบแยกตัวออกทิ้งให้เบนยืนเอ๋ออยู่คนเดียว

 

 

“ไอ้พวกชั่ว   หนีไม่บอกกูสักคำ”   เบนพึมพำกับตัวเองก่อนจะหันหน้าไปเผชิญกับรุ่นน้อง  “สวัสดีเฮนรี่  คาวิลล์”   เบนส่งยิ้มแห้งๆกลับไป

 

 

“สวัสดีครับพี่..?”

 

 

“พี่ชื่อเบน  แอฟเฟล็ค  ยินดีที่ได้รู้จักนะ”   เบนยื่นมือไปหาเฮนรี่  อีกฝ่ายมองมือนั้นก่อนจะยกขึ้นมาจับแล้วเขย่าสองสามครั้งแล้วจึงปล่อยออก  “น้องเดินมาหาพวกพี่มีอะไรรึป่าว?”

 

 

“มีสิครับไม่งั้นผมคงไม่เดินมาหา  คือรุ่นพี่ที่เป็นพิธีกรเขาบอกให้แยกไปหารุ่นพี่คณะต่างๆ ตามคณะที่เราอยากเรียนแล้วให้ไปฟังคำปรึกษาจากเขา”

 

 

“แล้วเราอยากเข้าคณะอะไร?”

 

 

“คหกรรมครับ”

 

 

เบนเลิกคิ้ว ก่อนจะถามต่อ   “คหกรรม?  ทำไมถึงอยากเรียนนึกว่าจะมีแต่ผู้หญิงซะอีกที่อยากเรียน”

 

 

“แล้วทำไมพี่ถึงเรียนคหกรรมล่ะครับ?”

 

 

“น้องรู้ได้ไงว่าพี่เรียนคหกรรม!!!”   เบนดูตกใจไม่น้อยที่เฮนรี่รู้ว่าเขาเรียนคณะอะไร

 

 

“ง่ายๆนะครับ   ป้ายชื่อที่ห้อยคอพี่มันเขียนว่า เบน คหกรรมศาสตร์ ไงครับผมเลยเดินมาหาพี่  จริงๆผมเห็นอีกคนด้วยที่เรียนคหกรรมเหมือนจะชื่อ….อ้อ! คริส แต่พอผมเดินมาปุ๊บพี่เขาก็วิ่งหนีไปเลยเหลือแต่พี่เบนนี่แหละ”    เฮนรี่ร่ายยาวส่วนเบนได้แต่ยืนอึ้งอะไรบางอย่าง  (ยังตกใจไม่หาย)

 

 

“พี่ครับ…พี่เบน!  สรุปผมพึ่งพี่ไม่ได้สินะไม่เป็นไรครับผมไปหาคนอื่นก็ได้”

 

 

“เห้ยๆๆ เดี๋ยวๆ!  โทษทีที่เอาแต่ยืนอึ้ง  พี่ถามไรหน่อยโตขึ้นอยากเป็นไร?”

 

 

“เป็นคนครับ”

 

 

“ตอบได้ดี  มึงไปหารุ่นพี่คนอื่นเลยไป”

 

 

“หึ้ยยย ผมล้อเล่นครับโตขึ้นอยากเป็นปาติชิเย่”   เฮนรี่พูดจบเขาก็ยิ้มกว้างยิ้มจนเห็นเขี้ยวทั้งสองซีกของเขา  โอยยยยอย่ายิ้มอย่างนี้สิไอ้หนูป๋าหัวใจจะวาย  เบนคิดในใจ

 

 

“ปาติชิเย่?  ทำขนมอ่ะนะ”

 

 

“ใช่ครับ”

 

 

“นั่งคุยกันดีกว่าพี่เมื่อยคอต้องก้มมองเรา”   เบนนั่งลงกับพื้น  และดึงเฮนรี่ลงมานั่งตรงข้ามเขา

 

 

“พี่ด่าผมเตี้ยหรอ?”

 

 

“ไม่ได้ด่า  พี่แค่พูด….มาคุยกันต่อดีกว่า”

 

 

“เอ่อ  พี่เบนโตขึ้นอยากเป็นอะไรหรอครับ?  ห้ามตอบว่าเป็นคนนะ”

 

 

“พี่อยากเป็นคนหล่อครับ  แต่จริงก็หล่ออยู่แล้วอ่ะนะ”   เบนพูดอย่างภาคภูมิใจ  ทำให้รุ่นน้องได้แต่เบ้ปาก

 

 

“ผมไปหาพี่คนอื่นดีกว่า”

 

 

“โถ่!  ล้อเล่นนิดๆหน่อยๆก็จะไปหาคนอื่นอย่างเดียวเลยนี่ถ้าเป็นแฟนพี่นะจะไปหาคนอื่นเมื่อไหร่พี่จะจับคว่ำหน้าแล้วกดลงกับพื้นแล้วก็……”

 

 

“ห้ามพูดนะ!!!  ทะลึ่ง!”    เฮนรี่เอื้อมมือไปปิดปากเบนไม่ให้พูดต่อ

 

 

เบนปัดมือนั้นออก   “อะไรพี่แค่จะบอกว่าพอกดกับพื้นปุ๊บพี่ก็จะนวดหลังให้  คิดอะไรเนี่ยฮ่าๆๆๆๆ”

 

 

“ไม่ต้องมาหัวเราะเลย  ก็หน้าตาพี่มันสื่อไปทางอนาจารนิ”

 

 

“หน้าพี่ออกอาการขนาดนั้นเลยเรอะ?”

 

 

“ลองไปส่องกระจกดูนะครับ  เข้าเรื่องเถอะครับสรุปพี่อยากทำงานอะไร?”

 

 

“เอ่อก่อนคุยพี่ขอบอกก่อนนะว่าจริงๆพี่ไม่ได้เรียนคหกรรมนะ”

 

 

“อ่าววว  แล้วป้ายที่คอ”

 

 

“พี่ทำป้ายเอง  เลยอยากลองเขียนให้ตัวเองไปอยู่คหกรรมบ้าง”  เด๋อจริงๆ

 

 

“พี่บ้าป้ะเนี่ย  ไม่น่ามาคุยกับพี่เลยเสียเวลา”    เฮนรี่ทำท่าจะลุกขึ้นแต่ก็ต้องชะงักและกลับมานั่งตามเดิม   “เออพี่ผมขอถามไรอย่างพี่เป็นศิษย์เก่าใช่ป้ะ  พี่รู้ไหมว่าใครทำสถิติคะแนนพฤติกรรมไว้400อ่ะ?”

 

 

“รู้ดิ”

 

 

“ใครอ่ะบอกผมหน่อย  ผมอยากจะเห็นหน้าจริงๆเขาคือไอดอลผมเลยอ่ะ”

 

 

“อยากรู้ใช่ป้ะ”

 

 

“อื้อ”

 

 

“ก็คนหล่อที่นั่งอยู่ตรงหน้าน้องนี่แหละทำสถิติไว้เอง”   เบนยักคิ้วให้เฮนรี่   ให้เวลาสตั้นสามวิ

 

 

“จริงดิ!!!เบน  พี่แม่งโครตสุดยอดอ่ะะะ  ผมทำได้290ล้ะ”

 

 

“ดูภูมิใจเนอะ”

 

 

“แน่นอน”   เฮนรี่ยิ้มกวนๆใส่เบน   “เอ้ออ ไหนๆก็ได้คุยกับไอดอลล้ะ  พี่เรียนคณะอะไรอ่ะ?”

 

 

“พี่เรียนนิเทศ สาขาวิชาภาพยนตร์”

 

 

“พี่อยากเป็นผู้กำกับภาพยนตร์หรอ?”

 

 

“ก็อยากนะ  แต่มันเป็นความฝันอันดับสี่ของพี่”

 

 

“แล้วอันดับหนึ่งคืออะไรอ่ะ?”

 

 

“พี่อยากเป็นบาร์เทนเดอร์”   เบนหันไปมองเฮนรี่ที่ทำหน้าตางงๆ   “น้องมีความฝันเป็นของตัวเองรึป่าว?”

 

 

“มีสิครับ”

 

 

“มีความฝันว่าไงไหนเล่าให้พี่ฟังหน่อย”

 

 

“ผมอยากเป็นคนทำขนมครับ  เหตุผลอาจจะดูไร้สาระไปหน่อยนะ….คือผมชอบเด็ก แล้วผมเห็นเด็กส่วนใหญ่ชอบทานขนม ไอศกรีมอะไรแบบนี้  ผมเลยอยากเปิดร้านขนมเล็กๆมีขนมมากมายให้เด็กๆกิน”

 

 

“นอกจากทำขนมแล้วอยากทำอะไรอีกรึป่าว?”

 

 

“ผมอยากไปเที่ยวอิตาลีครับ  แล้วความฝันพี่เป็นยังไงล่ะ?”

 

 

“พี่อยากเป็นบาร์เทนเดอร์  แต่พี่ก็มีความคิดที่ดูไร้สาระเหมือนกันนะ พี่คิดว่าพี่จะเปิดร้านที่ตอนเช้าเป็นร้านขนมส่วนกลางคืนเป็นร้านเหล้า  ตอนเช้าพี่ก็ช่วยแฟนทำขนมพอกลางคืนพี่ก็จะไปเป็นบาร์เทนเดอร์”

 

 

“พี่อยากมีแฟนเป็นคนทำขนม?”

 

 

“ป่าว”

 

 

“เอ้า!  แล้วเมื่อกี้พี่พึ่งพูดวะ….”

 

 

“พี่อยากมีแฟนเป็นเรามากกว่า”   ทั้งสองมองหน้ากันอยู่สักพักก่อนจะเป็นเฮนรี่ที่หันหน้าหนี

 

 

“พี่คิดว่าพี่จะไปเปิดร้านอยู่ในอิตาลี  เพราะมันเป็นประเทศที่พี่อยากไปอยู่ที่สุด  ถ้าพี่เปิดร้านอยู่ที่นั่นพี่จะเชิญเราไปคนแรกเลยดีไหม?”

 

 

“อ่าว!”

 

 

“อ่าวอะไร?”

 

 

“ผะ….ผมคิดว่าเราจะเปิดร้านด้วยกันซะอีก”   เฮนรี่ก้มหน้าพูดอย่างเขินๆ  พลางบิดตัวไปมา

 

 

“จีบพี่อยู่หรอ?”   เบนยกยิ้มมุมปาก  เขาอยากจะบอกเฮนรี่เหลือเกินว่าอย่าเขินแบบนั้นมันทำให้เขาอยากจะดึงอีกฝ่ายเข้ามาฟัดให้หายหมันไส้

 

 

“ไม่ได้จีบ  พี่นั่นแหละจีบผม”

 

 

“พี่จีบเรายังไง?”

 

 

“ก็พี่บอกว่าอยากมีแฟนเป็นผม”

 

 

“แล้วเป็นได้ป้ะล่ะ”

 

 

“ถามพ่อก่อน”

 

 

TBC.

 

armieturn

 

 

Long ago – Henry VIII/Charles Brandon

 

henry-cavill-the-tudors-17

 

 

*ฟิคเรื่องนี้มีการปรับเปลี่ยนเนื้อหามากถึงมากที่สุด ไม่มีเจตนาให้ผู้ที่ถูกกล่าวเสียหาย

ไม่ชอบกดปิดได้เลยไม่ว่ากัน..*

 

Goodbyes are not forever. Goodbyes are not the end.

 

They simply mean I’ll miss you. Until we meet again.

 

 

 

“ชาร์ล”

 
“ฝ่าบาท”

 
“พวกเขาบอกว่าเจ้าป่วย  ข้าเลยอยากพบเจ้า”กษัตริย์เฮนรี่ที่แปดผู้ยิ่งใหญ่แห่งอังกฤษกำลังยืนมองเพื่อนสนิทที่สุดของเขา  ‘ชาร์ล  แบรนดอน’

อ่านเพิ่มเติม “Long ago – Henry VIII/Charles Brandon”

Chris Evans/Henry Cavill/Ben affleck – กำแพง

14365467_1114424208648921_1932389623_n

 

ฉันคงไม่อาจเข้าใจความรักสุดแสนประหลาด ของเธอ

รักเธอเท่าไหร่ก็มีแต่เปลืองหัวใจเปล่าเปล่า นะเธอ

เปิดประตูต้อนรับความอ่อนแอ คงถึงเวลาแล้ว ที่ต้องยอมแพ้..

 

 

“ฉันกับเจนเรากำลังจะคืนดีกัน..”

 

“…”

 

 

“เรามาจบความสัมพันธ์ที่เป็นอยู่กันเถอะ”  พูดจบก็เดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองคนที่ถูกบอกเลิก  น้ำตาไหล

อาบแก้มนักแสดงหนุ่มรุ่นน้อง

 

 

‘จบความสัมพันธ์หรอ…พูดง่ายดีนิ’

.

.

.

.

.

.

.

.

“เฮนรี่!”

 

 

“หืม?”    เฮนรี่  คาวิลล์  นักแสดงวัย33ปี  หรือที่ทุกคนรู้จักกันในนามซุปเปอร์แมนกำลังนั่งเล่นเกมในโทรศัพท์

โดยไม่หันไปมองผู้มาเยือนคนใหม่

 

 

“ไอ้เด็กติดเกมเอ้ย! ไปกินข้าวได้ยัง?”  คริส  อีแวนส์กำลังหงุดหงิดกับคนตรงหน้าเขาพยายามชวนอีกฝ่ายไปทาน

ข้าวเที่ยง แต่เฮนรี่ก็เอาแต่พูดจบตานี้ก่อน จะชนะบอสแล้ว จนผ่านมา30นาที ยังเห็นเล่นอยู่อย่างเดิม

 

คริสกับเฮนรี่เริ่มสนิทกันตอนไปงานออสการ์ด้วยกัน  แต่จริงๆพวกเขาก็รู้จักกันมานานแล้วแค่ไม่ค่อยได้คุยกันจริงจัง

คริสเป็นคนคุยเก่ง ปรึกษาได้ ตลก ร่าเริง มันทำให้เขาจากที่อารมณ์ไม่ดีก็ยิ้มขึ้นมาได้ทันทีที่คริสพูด  เวลาเฮนรี่มา

อเมริกาเขาก็จะมาพักอยู่บ้านคริสเสมอ

 

 

“แปปนึง!”   เฮนรี่ตอบอย่างส่งๆ ทำให้คริสได้แต่กรอกตา

 

 

“นับ1ถึง3ไม่เลิกเล่นฉันจะเข้าไปอุ้มเดี๋ยวนี้แหละ!!!”  คริสเริ่มใช้น้ำเสียงจริงจัง  ถ้าไม่เอาจริงคนอย่างเฮนรี่คงไม่ทำ

หรอก

 

 

“นายจะทำอะไรฉันมิทราบคุณอีแวนส์”   เฮนรี่ตอบกลับแต่สายตายังคงจ้องมือถือเช่นเดิม

 

 

“จะไปอุ้มนายไปกินข้าวนี่แหละ!”

 

 

“ต้องกลัวไหมล่ะ?”   ท้าอีก….อย่างนี้ต้องเจอดีซะหน่อยแล้ว  คริสยกยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะตรงเข้าไปอุ้มอีกฝ่ายในท่า

เจ้าหญิง  เฮนรี่ดูจะตกใจไม่น้อย เขายกมือขึ้นทุบที่อกกว้างของคริสแต่เหมือนรายนี้จะไม่สะทบสะท้านเลย

 

 

“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ไอ้หนวด!!!”

 

 

“ไม่ปล่อยเว้ย! ไอ้อ้วน”

 

 

“ไม่อ้วน!”

 

 

“เอาอะไรมาเป็นบรรทัดฐานว่าตัวเองไม่อ้วน”

 

 

“หุ่นตัวเองไง  ใครๆก็บอกเฮนรี่หุ่นดี”  เขาพูดด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ  ก็จริงไหมล่ะไปที่ไหนๆก็มีแต่คนบอกเขาหุ่นดี

 

 

“นายไม่ได้หุ่นดีเฮนรี่  แต่มีอย่างนึงที่ฉันคิดว่าดี”

 

 

“อะไร?”

 

 

“นมใหญ่ดี”

 

 

“คริส  อีเวร!!!  ไอ้ลามกปล่อยฉันลงเลยนะ!!!!”

.

.

.

.

.

.

.

“กินอะไรล่ะเฮนรี่?”   เงียบ…เฮนรี่เงียบแบบนี้มาตั้งแต่ออกจากบ้าน  คงโกรธที่เขาล้อสินะ

 

 

“เอ่อเอาแค่นี้แหละครับ  เฮนรี่เค้าไม่กิน”  คริสยื่นเมนูคืนให้เด็กเสิร์ฟแต่ก็ถูกเฮนรี่ดึงเอาไปก่อน  เขามองค้อนคริ

สก่อนจะหันไปเลือกเมนูอาหาร

 

 

“มองค้อนทำไมครับ  เอาตะปูด้วยไหมล่ะ”

 

 

“ตบไหมจะได้จบ!”  เฮนรี่สั่งอาหารและยื่นเมนูคืนเด็กเสิร์ฟ  เมื่อเห็นว่าเด็กเสิร์ฟคนนั้นเดินหายไปเขาก็เริ่มเปิดสง

ครามกับคริสทันที

 

 

“ตบสิ ฉันจะได้จูบ”  พูดเสร็จก็ทำปากจู๋  ทำเป็นยื่นหน้าเข้าไปเฮนรี่ก่อนจะโดนฝ่ามือเพชรฆาตฟาดกลับมา

 

 

“เจ็บนะ!”

 

 

“สมน้ำหน้า”  เฮนรี่แลบลิ้นใส่คนตรงหน้าก่อนจะหันไปสนใจวิวนอกร้าน  ส่วนคริสได้แต่เอามือกุมหน้าตัวเองที่โดน

ตบไปเมื่อกี้อย่างเจ็บใจ   ‘มันก็ตบไม่แรงแต่ทำไมแสบว้ะ?’  เขานึกในใจ

 

 

ระหว่างนั่งรออาหารกันได้สักพัก จู่ๆเฮนรี่ก็เกิดสะดุ้งและรีบหันหน้าหนีจากวิวข้างนอกมามองหน้าเขาแทน  “เป็น

อะไรรึป่าว?”  คริสถามอีกฝ่ายอย่างเป็นห่วงเพราะตอนนี้เฮนรี่หน้าซีด เหงื่อเริ่มไหล และนิ่งไป

 

 

“เห้ๆ  นายกำลังทำฉันเป็นห่วงนะ!!!!”   คริสสะกิดเฮนรี่  แต่เขาก็ยังนิ่งเหมือนเดิมเหมือนตกใจอะไรบางอย่าง

 

“เฮนรี่ๆๆ….คาวิลล์!!!”  คริสตะโกนลั่นร้านทุกสายตาในร้านหันมามองเขาเป็นตาเดียว  และนั่นก็รวมถึงเฮนรี่ด้วยที่

ตอนนี้จะหลุดจากภวังค์แล้ว

 

 

“คริส..ย้ายร้านกัน!”  ไม่รอให้อีกฝ่ายตอบเขาก็รีบลุกและลากให้คริสเดินตามเขาออกมาแต่ยังไม่พ้นประตูร้านเฮนรี่

ก็ต้องชะงักทันทีเมื่อเห็นคนตรงหน้าเขาคือ..

 

 

“เบน”  เฮนรี่พูดชื่ออีกฝ่ายอย่างแผ่วเบาแต่นั่นก็พอที่จะทำให้เจ้าของชื่อได้ยิน

 

 

“เฮนรี่”   เบนส่งยิ้มกลับมาให้เขา  เฮนรี่ได้แต่ฝืนส่งยิ้มกลับไป   “มากินข้าวเที่ยงหรอ?”

 

 

“ครับ”

 

 

“แล้วนั่นมากลับ…?”

 

 

“อ๋อ คริส อีแวนส์ไงครับที่เล่นเป็นกัปตันอเมริกาน่ะ”  คริสพอจะรู้สาเหตุแล้วว่าทำไมเฮนรี่ถึงเป็นแบบนี้  ก่อนหน้าที่

เขาจะมาสนิทกับเฮนรี่ในงานออสการ์เขาดูเงียบๆ เหม่อตลอดเวลา ใครทักก็ยิ้มตอบกลับแต่ยิ้มนั้นเหมือนกับคน

กำลังฝืนยิ้ม  เขาจึงลองเขาไปชวนคุยเพื่อให้เฮนรี่คลายเครียดและมันก็ทำให้เขาดีขึ้น เฮนรี่เริ่มพูด เริ่มยิ้ม เริ่ม

หัวเราะ  เขาไม่อยากจะยอมรับเลยว่าหลงรักทุกอย่างในตัวเฮนรี่ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ ไม่ว่าจะเป็นจมูก ปาก ตา หุ่น?

รวมถึงนิสัยและที่ทำให้เขารักที่สุดก็คงเป็นรอยยิ้ม  ยิ้มทีเหมือนโลกทั้งโลกของคริสหยุดหมุนทันที  พอหลังที่เขา

เริ่มสนิทกับเฮนรี่มากขึ้น  เฮนรี่ก็มาปรึกษาเขาเรื่องที่เขาเคยคบกับรุ่นพี่นักแสดงที่ทำงานร่วมกันคนนึง  เขาคิดว่า

ผู้ชายคนนั้นจะโชคดีแค่ไหนที่ได้คนอย่างเฮนรี่เป็นแฟน  แต่เฮนรี่ก็ยังเล่าอีกว่ารักของเขาค่อนข้างซับซ้อน สับสน

จนสุดท้ายเฮนรี่ก็โดนเขี่ยทิ้ง  เขาโกรธแทนเฮนรี่มากในตอนแรกแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ทำได้เพียงปลอบอีกฝ่ายแค่

นั้น….และตอนนี้เขารู้แล้วว่าผู้ชายที่ทิ้งเฮนรี่ไปคือใคร

 

 

“สวัสดีครับคุณคริส”  เบนยื่นมือมาหาเขา  คริสมองมือนั้นก่อนจะเอื้อมมือไปจับ เขย่าเล็กน้อยและสะบัดมือนั้นออกไป

 

 

“สวัสดีครับคุณเบน”

 

 

“เฮนรี่ไปกินร้านอื่นกันเถอะ”  หันมามองเฮนรี่ที่ยืนนิ่งอยู่ ก่อนจะเป็นคนลากเฮนรี่ออกมาแต่ก็โดนมือใหญ่รั้งเอาไว้

ก่อน

 

 

“เดี๋ยวสิ  ฉันขอคุยกับเฮนรี่หน่อยสิ”   เบนพูดขึ้น  “ได้ไหม?”

 

 

“คะ…ครับ”   เฮนรี่ตอบกลับไป  เขาหันมามองคริสที่ยังคงจับมือเขาแน่นจนมันเริ่มแน่นขึ้นเรื่อยๆหมือนโดนบีบ

กระดูก  “คริสเจ็บ!  ปล่อยก่อนฉันขอคุยกับเบนแปปนึง”

 

 

“ไปเถอะเฮนรี่  นายจะไปคุยกับคนที่มันเขี่ยนายทิ้งอีกทำไมล่ะ  หรือนายชอบที่จะโดนทิ้งนัก!”

 

 

“พูดบ้าอะไรของนาย!  กลับไปบ้านสงบสติก่อนเลย อยู่อย่างนี้ก็จะทะเลาะกันป่าวๆ”  เฮนรี่ตะคอกใส่อีกฝ่าย  คริ

สมองหน้าเฮนรี่สลับกับเบนก่อนจะปล่อยมือเฮนรี่และเดินจากมา

 

 

ฉันคงไม่มีแรงที่จะข้ามกำแพงที่เธอสร้างขึ้นไว้ภายในจิตใจเธอ หรือสูงเกินปีนป่าย

ฝืนไปคงไม่ดีนักกับรักที่เธอไม่เคยเห็น หัวใจเธอยังคงเป็นของใคร ที่ไม่ใช่เรา

 

 

“จะดีกับเขาแค่ไหนสุดท้ายก็แพ้  คนในใจเขาอยู่ดี”

 

 

คริสกลับมาถึงบ้านด้วยใจที่หนักอึ้ง  เหมือนอกหักทั้งๆที่ยังไม่ได้คบ..  คริสทิ้งตัวลงนอนที่โซฟา หยิบโทรศัพท์ขึ้น

มาเข้าไลน์เขาพิมพ์ข้อความบางอย่างก่อนจะส่งมันออกไป

 

 

….คริส  อีแวนส์ ยอมแพ้แล้ว

 

 

แต่ก่อนเขาจะยอมแพ้  คริสก็เหลือบไปเห็นสมุดไดอารี่ของเฮนรี่ เขาถือวิสาสะเปิดดู  ‘จริงๆเขาไม่ได้แอบดูนะ  ของ

ที่อยู่ในบ้านเขาก็ต้องเป็นของเขาสิ เพราะงั้นอ่านได้’  คริสนึกในใจก่อนจะเปิดดูในสมุดไม่มีอะไรมากแค่เล่าเรื่องใน

ชีวิตประจำวัน  ไม่ก็วาดรูปเล่น บางหน้าก็มีด่าเขาบ้างว่าเขาซกมก  ชอบแอบจับนม  ทะลึ่ง ขี้โม้  ขำเสียงดัง  หวงเฮ

นรี่ไม่เข้าท่า  กินเก่ง  เรื่องนี้เขาคงต้องขอค้านไม่มีใครกินเก่งไปมากกว่าเฮนรี่อีกแล้ว เฮนรี่ด่านู่นตินี่เขามากมาย

แต่คนอย่างคริส  อีแวนส์  Don’t care!  จนเขาเปิดมาเจอหน้านึงไม่ได้เขียนอะไรมากแค่แปะรูปเขาเกือบเต็มหน้า

กระดาษมีเพียงข้อความสั้นๆที่ทำให้คริสยิ้มได้

 

 

“ขอนำเสนอรอยยิ้มขอฉัน”   คริสยิ้มอย่างขำไม่คิดว่าคนอย่างเฮนรี่จะทำได้  เขาเปิดไปดูหน้าหลังมีอีกข้อความที่

ทำให้เขายิ้มออกมามากกว่าเดิม  มันเป็นข้อความที่เขียนว่า

 

 

“รอยยิ้มของแฟนฉัน”

 

 

คริส  อีแวนส์ไม่แพ้แล้วสินะ..

 

 

เขารีบหยิบโทรศัพท์และพิมพ์ข้อความบางอย่างส่งไปอีกครั้ง

 

 

14269538_1110103722414303_443609010_n

 

 

เฮนรี่มองข้อความผ่านทางจอโทรศัพท์  เขารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังทำผิดกับคนที่ตัวเองรัก  ใช่เฮนรี่รักคริสตั้งแต่

แรกที่ได้คุยกัน  ก็มันจะมีสักกี่คนที่จู่ๆก็มาทำให้เขายิ้มได้โดยไม่มีเหตุผล เขายอมรับว่าเมื่อกี้เขาไม่ได้ตั้งใจจะตะ

คอกใส่คริสเลยแต่แค่อารมณ์มันพาไป ตอนนี้เขาแทบจะไม่เหลือเยื่อใยกับเบนแล้วด้วยซ้ำที่จะคุยก็แค่อยากถาม

สารทุกข์สุขดิบก็แค่นั้น  ไม่คิดว่าหมอนั่นจะโกรธขนาดนี้  ถ้าเขาเสียคริสไปก็คงเหมือนเสียความสุขไปทั้งชีวิต  เฮนรี่

ละสายตาจากหน้าจอโทรศัพท์ก่อนจะได้ยินเสียงแจ้งเตือนจากไลน์อีกครั้ง  เขารีบเปิดดูทันที ภาวนาว่ามันคงจะไม่

ทำให้เขาต้องมานั่งร้องไห้อีกนะ..

 

 

แต่เหมือนพระเจ้าจะไม่เข้าข้าง…ข้อความนั้นทำให้ขาน้ำตาไหลอีกครั้ง  แต่ไม่ได้ร้องไห้นะ

 

 

หัวเราะจนน้ำตาไหลมากกว่า

 

 

14080884_1110121562412519_1363287890_n

 

 

เฮนรี่นั่งหัวเราะอยู่กับโทรศัพท์  ก่อนจะพิมส์ส่งกลับไปบ้าง..

 

 

14287745_1110121515745857_1078979202_n

 

 

รักเหมือนกันไอ้หนวด..

THE  END.

————————————————————————–

ฟิคเรื่องแรกที่แต่งงในนี้  ประเดิมด้วยคู่นี้แหละอยากชงงงง เมนทั้งคู่  (ป๋าเบนเป็นเพีงอากาศธาตุ รอตอนหน้านะป๋าาา)  แต่จริงวางพล็อตตอนหน้าไว้ให้เป็นคู่แคปซุปอ่ะะะ  #ป๋าไม่ร้องนะะ

 

พึ่งเคยใช้เว็บนี้เป็นครั้งแรกผิดพลาดหรือไม่สนุกยังไงก็ขอกราบขอโทษอย่างแรงงงงค่ะ

 

ยังไงก็ติชมกันได้นะคะ  1เม้น=1ล้านกำลังใจจจจจ

untitled-23  **แปะรูปรอยยิ้มของฉันหน่อยย5555555555555

tumblr_oai6mzdx091vtr7zxo9_1280    #กินขนมยังจะหัวเราะ  บ้าไปแล้วค่ะขุ่นคริส

tumblr_njh2zdikvq1t8ikzco1_500    ไปล้ะค่ะส่งจุ๊บบบบบบบ >3<

แมะๆๆๆๆ มีfanvidด้วยยยแหละะะะ